jjjinsur.com ประกันรถถูกๆ ต่อง่าย คุ้มครองเลย

หลับในขณะขับรถ เกิดจากอะไร

หลับในขณะขับรถ เกิดจากอะไร

หลับในขณะขับรถ เกิดจากอะไร หลายคนมักจะมองข้ามอาการง่วงนอนขณะขับรถ เพราะคิดว่าสามารถควบคุมอาการง่วงที่เกิดขึ้นได้ ซึ่ง “อาการหลับใน” แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่สามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภาวะหลับใน หรือ อาการหลับใน เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และก่อให้เกิดความสูญเสียรุนแรงอย่างที่หลายคนขาดไม่ถึง ซึ่งจะเกิดขึ้นบ่อยมาก ๆ ในช่วงเทศกาลหยุดยาวที่คนส่วนใหญ่ต้องขับรถทางไกล หรือขับขี่ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น ดังนั้น…..วันนี้เราควรมาดู สาเหตุของอาการหลับในไปพร้อมๆกับแนวทางแก้ไขกันดีกว่าครับ !!!


ภาวะหลับใน หรือ อาการหลับใน คืออะไร ?

ภาวะหลับใน คือ การเผลอหลับเฉียบพลันโดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1-2 วินาที หรือบางคนอาจเป็นนานกว่านั้น แม้ฟังดูเหมือนแป๊บเดียว แต่ถ้าหากขับรถมาด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวรถสามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลถึง 25 – 50 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนนได้ ข้อมูลจากมูลนิธิไทยโรดส์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า สมองมีกลไกควบคุมการหลับและการตื่นในส่วนที่เรียกว่า “ไฮโปธาลามัส” ส่วนสำคัญส่วนนี้จะทำหน้าที่ควบคุมจังหวะการตื่นและการนอนตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมง โดยปัจจัยของเวลาและความอิ่มท้องจะเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นที่จะส่งผลให้มนุษย์รู้สึกตื่นตัวหรือง่วงนอน “การหลับใน” คือ การหลับในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงชั่ววูบเดียว เป็นภาวะที่ร่างกายมีการทำงานลดลง หรือช้าลง เป็นการสับสนระหว่างการหลับในและการตื่น โดยมีการหลับเข้ามาแทรกการตื่นอย่างเฉียบพลันโดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง 1-2 วินาที นอกจากนี้กรมสุขภาพจิตระบุว่า “การหลับใน” เป็นอันตรายเช่นเดียวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะผลต่อการทำงานของสมองส่วนประมวลผล (brain processing) ทำให้การตัดสนใจแย่ลง (Impair judgment) การตอบสนองช้าลง (slower reflexes) นั่นเอง


สาเหตุของการหลับใน

1.นาฬิกาชีวิตที่ควบคุมอยู่ภายในร่างกายท่านนั้นจะส่งสัญญาณทำให้ท่านเกิดภาวะง่วงนอนอยู่ 2 ช่วงเวลาในหนึ่งวัน โดยครั้งแรกจะเป็นช่วงค่ำที่ท่านจะเข้านอน ส่วนครั้งที่สองจะเกิดซ้ำในอีก 12 ชั่วโมงถัดไป หรือช่วงบ่ายนั่นเอง

2.ช่วงเวลากลางวันและช่วงเวลากลางคืน ก็มีผลต่อนาฬิกาชีวิตที่ควบคุมอยู่ภายในร่างกายท่านเช่นกัน

3.นอกจากนี้ ช่วงเวลาที่ท่านตื่นนานเท่าไร ยิ่งส่งผลให้เกิดความง่วงนอนมากเท่านั้น (ช่วงเวลาที่ร่างกายท่านตื่นนานเท่าไร ช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการการนอนหลับพักผ่อนยิ่งมากขึ้นเท่านั้น)

ภาวะหลับในสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยมีสาเหตุหลัก ๆ มาจาก การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือ นอนน้อย นอกจากนี้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ผลข้างเคียงจากการกินยา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และโรคประจำตัว ก็มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงของการหลับในได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าในแต่ละบุคคล ความต้องการและรูปแบบในการนอนหลับพักผ่อนจะแตกต่างกันออกไป คนส่วนใหญ่มักต้องการเวลานอนโดยเฉลี่ย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน โดยสามารถสังเกตได้จากถ้าวันพักผ่อนที่ท่านไม่ต้องทำงาน แล้วท่านตื่นสายกว่าวันทำงานอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไป จะเป็นการบอกว่าจำนวนชั่วโมงนอนของท่านในช่วงวันทำงานนั้นไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายต้องพยายามนอนชดเชยในวันที่สามารถทำได้ ถ้าท่านนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ผลกระทบก็คือการอดนอน การอดนอนจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนชั่วโมงที่ท่านนอนหลับไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และจะส่งผลกระทบต่อภาวะทั้งทางร่างกายและจิตใจได้มากขึ้น


สัญญาณเตือนว่าเรา “หลับใน”

การขับรถในขณะง่วง อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุและทำให้ผู้ขับขี่รวมถึงผู้โดยสารถึงแก่ชีวิตได้ แม้ว่าอาการหลับในจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็นานพอที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นเราจึงควรตระหนักรู้ถึงสัญญาณเตือนเหล่านี้ เพื่อที่จะได้แวะพักผ่อนเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ครับ

1.หาวบ่อยและต่อเนื่อง

2.กระพริบตาถี่ ๆ ลืมตาไม่ขึ้น

3.มองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร

4.ใจลอยไม่มีสมาธิ

5.รู้สึกหนักศีรษะ หงุดหงิด กระวนกระวาย

6.ขับรถส่ายไปมาหรือออกนอกเส้นทาง

7.จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาในช่วง 2-3 กิโลเมตรที่ผ่านมา

สิ่งที่จะบอกนี้ เป็นเพียงบางส่วนของสัญญาณที่พบได้บ่อย ที่บ่งบอกว่ามีภาวะง่วงนอนขณะขับขี่ยานพาหนะ ถ้าท่านมีสิ่งต่างๆ เหล่านี้ แสดงว่าท่านอาจจะมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ยานพาหนะ


วิธีป้องกันภาวะหลับในระหว่างขับรถ

1.นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ 7-8 ชั่วโมง อย่างน้อย 2 คืนก่อนวันเดินทาง

วิธีแก้ที่ตรงจุดที่สุดคงหนีไม่พ้น การนอนหลับให้เต็มอิ่มอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า สมองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และมีสมาธิในการขับรถมากยิ่งขึ้น โดยจากการศึกษาพบว่า ผู้ขับขี่ที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสประสบอุบัติเหตุมากกว่าคนนอนเต็มอิ่มถึง 5 เท่าเลยทีเดียว

2.ทานอาหารแต่พอดี อย่ากินอิ่มจนเกินไป เพราะจะทำให้ง่วงได้

อาหารบางอย่างยังช่วยปลุกให้สดชื่นหรือแก้ง่วงระหว่างขับรถได้ เช่น น้ำเปล่า จะช่วยให้ระดับออกซิเจนในเลือดเพิ่มขึ้น ร่างกายเราก็จะรู้สึกตื่นตัวได้ทันที, ดาร์กช็อกโกแลต ช็อกโกแลต หรือกาแฟ เพราะมีคาเฟอีนสูง, ผลไม้รสเปรี้ยว กระตุ้นประสาทของเราให้ตื่นและเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย

3.แวะพักระหว่างทาง

ในระหว่างขับรถสมองและร่างกายของผู้ขับขี่ต้องทำงานหนักไปพร้อม ๆ กัน ส่งผลให้เกิดอาการเมื่อยล้า อ่อนเพลีย ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งเสี่ยงต่ออาการหลับใน ทางที่ดีควรหยุดพักทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือทุก 160 กิโลเมตร เพื่อล้างหน้าล้างตา ยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา หรือหากผู้ขับขี่รู้สึกง่วง แนะนำว่าควรตั้งนาฬิกาปลุกแล้วงีบหลับสัก 20-30 นาที วิธีนี้จะช่วยป้องกันการหลับในได้ดีมาก ๆ

4.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาที่มีผลข้างเคียง

ทั้งก่อนขับรถและขณะเดินทาง ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างเด็ดขาด ! เพราะปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเพียงนิดเดียว ก็มีผลทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง และอาจนำไปสู่การหลับในเฉียบพลันได้ นอกจากนี้ควรงดกินยาระงับประสาท ยาแก้ปวด หรือยาที่ออกฤทธิ์ทำให้ง่วงซึมด้วย อย่างไรก็ตามหากเป็นยารักษาโรคที่ต้องกินเป็นประจำ ให้ขอคำปรึกษาแพทย์กับโดยตรงหรือขอปรับยาเป็นตัวที่ไม่มีผลข้างเคียงแทน

5.หลีกเลี่ยงการขับขี่ในช่วงเวลา 24.00-07.00 น.

เนื่องจากช่วง 24.00-07.00 น. คนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการนอนหลับในเวลานี้ ดังนั้นในระหว่างขับขี่อาจเกิดอาการง่วงซึมหรือหลับในได้

6.พาเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วย

การมีผู้โดยสารร่วมเดินทาง ไม่เพียงแต่จะช่วยพูดคุยกระตุ้นสมองให้ทำงานตลอดเวลาเท่านั้น แต่ยังช่วยจับตาดูการขับขี่ของคุณและเตือนคุณเมื่อมีอาการอ่อนเพลีย อีกทั้งยังสามารถสลับกันขับแบ่งเวลาพักผ่อนได้อีกด้วย


หลับในขณะขับรถ เกิดจากอะไร การหลับในไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะอาจส่งผลร้ายแรงอย่างไม่คาดคิดถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากเริ่มรู้ตัวว่าง่วงนอนขณะขับขี่ ก็อย่าพยายามฝืนขับรถต่อไป แต่ให้รีบมองหาที่พักเพื่อลงไปล้างหน้าล้างตา ยืดเส้นยืดสาย หรือพักหลับสักประมาณ 20 – 30 นาที ก็จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นได้ รวมถึงการเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัดขณะขับขี่ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ยังไงก็อย่าลืมนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันด้วยนะครับ เพื่อให้เดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างปลอดภัยและลดอุบัติเหตุร้ายแรงให้น้อยลงครับ



ด้วยความปรารถนาดีจาก เพจ ประกันรถถูกๆ ต่อง่ายๆ คุ้มครองเลย

สาระน่ารู้เรื่อง ประกันรถยนต์ที่ จริงจัง จริงใจ จริงจริง ♥

สนใจซื้อประกันรถยนต์ คลิ๊ก

Scroll to Top