อาการเหยียบคันเร่งไม่ขึ้น ควรแก้อย่างไร เป็นปกติของผู้ใช้รถยนต์ไปนาน ๆ มักมีอาการของเครื่องยนต์ที่เริ่มไม่เหมือนเดิมแตกต่างกันออกไป อาการเหยียบคันเร่งไม่ขึ้น ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้กับรถยนต์ของคุณ ปัญหารถเร่งไม่ขึ้น เครื่องอืด เร่งไปรอบขึ้นแต่ความเร็วไม่เพิ่ม รอบตก สารพัดปัญหาส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเครื่องยนต์ที่เราอาจจะละเลยไป ไม่ดูแล หรือไม่นำรถเข้าเช็คตามเวลาที่ศูนย์กำหนด ฉะนั้นอย่ารอช้า ต้องรีบแก้ไขปัญหานี้ก่อนที่จะเป็นปัญหาหนักหนาสาหัสไปมากกว่านี้ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูพร้อมๆกันว่า ควรแก้ไขตรงไหนบ้าง ไปดูกันเลยจร้าาาาาาาา
สาเหตุที่คันเร่งไม่ขึ้น ” สำหรับเกียร์ธรรมดา “
1. น้ำมันเครื่อง
ทำหน้าที่ ในการหล่อลื่นภายในเครื่องยนต์ให้มีความคล่องตัว ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เต็มสูบเต็มกำลัง แต่หากใช้ไปนาน ๆ จะเกิดความหนืดเข้ามาแทนที่ ทำให้รถยนต์เดินเครื่องไม่เต็มกำลัง ก็ต้องทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องออกให้หมด และ ใช้น้ำมันเครื่องใหม่เข้าไปแทนที่ ก็จะช่วยแก้ปัญหารถเร่งไม่ขึ้นได้
2. ที่กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
ทำหน้าที่ เป็นตัวกรองสิ่งแปลกปลอมในน้ำมันเชื้อเพลิง หากเกิดการอุดตันจะทำให้เกิดปัญหารถเร่งไม่ขึ้น แถมยังสตาร์ทรถยากขึ้นไปอีก จึงแนะนำให้เปลี่ยนของแท้จะดีที่สุดใช้ได้นาน ราคาอยู่ในเรทที่จับต้องได้ ไม่สูงมาก
3. หัวเทียน
ทำหน้าที่ จุดระเบิดในกระบอกสูบให้รถวิ่งไปได้ดี หากเสื่อมประสิทธิภาพจะมีผลทำให้เครื่องยนต์กำลังตก รถอืด รถเร่งไม่ขึ้น ซึ่งต้องเปลี่ยนหัวเทียน หัวใหม่ดีกว่าราคาจับต้องได้ เพียงเท่านี้ก็จะแก้ปัญหารถเร่งไม่ขึ้นได้แล้ว
4. กรองอากาศ
ทำหน้าที่ กรองสิ่งสกปรกอยู่ตลอดจนบางทีอาจเกิดการอุดตัน ซึ่งต้องนำมาล้างออก เพื่อกรองอากาศให้ตัวรถมีสมรรถนะที่ดีขึ้น วิธีการแก้ไขคือ เพียงเปลี่ยนเป็นที่กรองอากาศใหม่ หรือล้างออกก็ได้ หลังผ่านการใช้งานไปแล้ว 2-4 หมื่นกิโลเมตร ในการเปลี่ยนต้องเป็นที่กรองอากาศของแท้จะดีกว่า ช่วยแก้ปัญหารถเร่งไม่ขึ้นได้มากทีเดียว
5. คอยล์จุดระเบิด
ทำหน้าที่ เป็นตัวกลางที่จะส่งไฟไปยังหัวเทียน หากเสื่อมคุณภาพก็ทำให้รถยนต์ของคุณอืด เครื่องยนต์สั่น หากเป็นเช่นนี้ก็ต้องเปลี่ยนตัวใหม่เลย ราคาอาจจะสูง แต่ก็สามารถใช้ได้นานยืดระยะไปได้อีก
สาเหตุที่คันเร่งไม่ขึ้น ” สำหรับเกียร์ออโต้ “
เนื่องด้วยระบบการทำงานของเกียร์ออโต้มีความซับซ้อนมากกว่าเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์กระปุก ทำให้เมื่อใช้ไปได้สักระยะจะมีการเสื่อมสภาพลง หากไม่ได้ทำการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีหรือเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามกำหนดการซ่อมบำรุง แน่นอนย่อมเกิดอกาการ ถอยหลังไม่ได้ เร่งเครื่องไม่ขึ้น หรือ เกียร์กระตุกอย่างแรง จากอาการดังกล่าวเราควรสังเกตสัญญาณการสึกหรอของเกียร์ได้หลายแบบ ดังนี้
1. เกียร์กระตุกกระชาก
อาการเช่นนี้เกิดจากความสกปรกภายในระบบเกียร์ เช่น มีเศษฝุ่นละอองในระบบ วิธีแก้ไขคือเพียงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเก่าออกแล้วใส่น้ำมันเกียร์ใหม่เข้าไป และเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์ แต่หากพบว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันเกียร์ร่วมด้วยก็ต้องเปลี่ยนปะเก็นแคร้งพร้อมกับเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ ทั้งนี้ต้องตรวจสอบความสึกหรอของส่วนอื่นในระบบด้วย ซึ่งโดยปกติเราควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ที่ประมาณ 20,000-30,000 กิโลเมตร หรือปีละครั้ง
2. มีคราบน้ำมันไหลออกมานองพื้นหรือล้อรถ
เกิดจากการรั่วไหลของน้ำมันเกียร์ วิธีแก้ไขคือเปลี่ยนจุดที่รั่วซึม
3. เข้าเกียร์ D หรือ R แล้วแต่รถไม่ขยับ ถอยไม่ได้ เร่งไม่ขึ้น
ถ้าพบอาการดังกล่าวเหล่านี้ ต้องรีบเข้าเช็คระบบเกียร์โดยด่วน หากอาการเบาหน่อยก็เพียงแค่เปลี่ยนคลัทช์ หากหนักหน่อยก็ต้องเปลี่ยนเกียร์ทั้งลูก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการและความสึกหรอด้วย
4. เครื่องเย็นนิ่งสนิท แต่เครื่องร้อนถึงจะออกแล่นได้
โดยปกติแผ่นคลัตช์ของเกียร์ออโต้แบบ Torque Converter Transmissions หากใช้ไปนาน ๆ จะมีอาการสึกหรอ สังเกตได้ง่ายคือต้องรอให้เครื่องยนต์ร้อนรถถึงจะแล่น อาการนี้ต้องให้ช่างซ่อมคลัทช์และเปลี่ยนยกชุดคลัทช์ของเกียร์ทั้งหมด
เราได้ทราบถึง อาการเหยียบคันเร่งไม่ขึ้น ควรแก้อย่างไร กันไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือหมั่นดูแลเครื่องยนต์อยู่เสมอ ทั้งเข้าศูนย์ตามกำหนด เลือกศูนย์หรืออู่ซ่อมที่ไว้ใจได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด เพราะนั้นบ่งบอกถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมาอีกมากมาย บางท่างอาจจะถึงขั้นต้องซื้อรถใหม่เลย ดังนั้นการมั่นตรวจเช็คและดูแลทั้งภายในและภายนอกก็คือสิ่งสำคัญที่คนใช้รถต้องทำนะคะ เพื่อป้องกันในหลายๆเรื่องที่จะเกิดขึ้นด้วยจร้าาาาาา
ด้วยความปรารถนาดีจาก เพจ ประกันรถถูกๆ ต่อง่ายๆ คุ้มครองเลย
สาระน่ารู้เรื่อง ประกันรถยนต์ที่ จริงจัง จริงใจ จริงจริง ♥
สนใจซื้อประกันรถยนต์ คลิ๊ก